วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

กรมชลประทานประกาศเตือน

 
กรมชลประทานประกาศเตือนการพร่องน้ำออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กระทบพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา และพื้นที่ริม 2 ฝั่งแม่น้ำป่าสักในเขตจังหวัดสระบุรีและพระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เร่งพร่องน้ำในเขื่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำล้นเขื่อนเนื่องจากขณะนี้มีปริมาณน้ำเกินความจุของอ่าง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าการณ์ว่าในวันที่ 24-27 กันยายนนี้ จะมีฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์และลพบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนป่าสักเพิ่มขึ้น จึงต้องพร่องน้ำบางส่วนออกจากเขื่อนเตรียมรองรับน้ำที่จะไหลหลากลงมาสัปดาห์หน้า ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักตั้งแต่ท้ายเขื่อนลงมาในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 60-80 เซนติเมตร

ขณะที่วันนี้แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณน้ำ 4,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที / ผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาท 3,706 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และไหลผ่านช่วงอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 3,098 ล้านลูกบาศก์ต่อวินาที ซึ่งทั้ง 3 จุดมีปริมาณน้ำที่เพิ่มสูง



สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบภัย


ชื่อบัญชี "ครอบครัวข่าว 3 ช่วยผู้ประสบอุทกภัย 54"
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซี พระราม 4 
บัญชีกระแสรายวัน เลขที่ 468-0-15727-1




เพิ่มคำอธิบายภาพ

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

ปัญหาปากท้องชาวบ้านช่วงอุทกภัย


น้ำท่วม

จากข่าวที่ผู้เขียนได้นั่งดูรายการข่าวของช่อง3 ซึ่งรายงานเรื่องอุทกภัยหรือน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ค่อนข้างรุนแรง ทำให้รู้สึกหดหู่ใจมาก ชาวบ้านคงลำบากมากในการดำรงชีพในช่วงนี้ ทั้งในเรื่องห้องน้ำ ที่นอน อาหาร น้ำดื่ม ผู้เขียนอยากให้พี่น้งชาวไทยทุกคนร่วมใจกันในการช่วยเหลือ เท่าที่ทำได้ก็ร่วมกันบริจาคเงินร่วมกับภาครัฐหรือสื่อมวลชลที่ตัวกลางในการเชื่อมต่อความช่วยเหลือให้กับผู้ลำบากในอุทกภัยในหลายๆ จังหวัด

ศอส.สรุปรายงานน้ำท่วมในพืนที่ 14 จังหวัด กรมอุตุเตือน 10-12 กันยายนนี้ มรสุมพาดผ่าน ระวังน้ำป่าไหลหลากศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) รายงานสถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 14 จังหวัด (จ.สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท อุบลราชธานี สิงห์บุรี นครปฐม สุพรรณบุรี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา และ จ.อุทัยธานี) 65 อำเภอ 483 ตำบล 2,942 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 186,045 ครัวเรือน 476,775 คน มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 72 ราย

สำหรับสภาพอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนช่วงวันที่ 10-12 กันยายน 54 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยตอนบนฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาด เชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับ พลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนปริมาณน้ำฝนในรอบ 24 ชม. ฝนตกสูงสุดที่ อบต.บ่าชัน อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ 126.5 มิลลิเมตร

ส่วนกรณีน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ขณะนี้ได้จัดตั้งศูนย์ประสานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 3 จุด ได้แก่ รร.บ้านห้วยเดื่อ รร.บ้านต้นขนุน และวัดห้วยคอม ต.น้ำไผ่ อ.น้ำปาด และได้ประสานหน่วยงานราชการที่มีเครื่องมือจักรกล เพื่อเข้าไปเปิดเส้นทางในพื้นที่วิกฤต เพื่อลำเลียงถุงยังชีพ เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ถูกตัดขาด พร้อมทั้งได้จ่ายเงินช่วยเหลือบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลัง รวม 13 หลัง เป็นเงิน 390,000 บาท และค่าจัดการศพ 105,000 บาท แก่ทายาทผู้เสียชีวิต และได้แจกจ่ายถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย จำนวน 1,100 ชุด

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

ซีอุย

ซีอุยที่โรงพยาบาลศิริราช

ประวัติของซีอุย
ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา เรื่องราวของซีอุย ฆาตรกรต่อเนื่องที่ฆ่าเด็กอย่างเหี้ยมโหด พร้อมกับควักหัวใจออกมาหิน  กลายเป็นตำนานที่สร้างความหวาดผวาให้กับสังคมไทยมาตลอด ซึ่งแม้แต่ในปัจจุบันก็ยังได้ยินเรื่องราวของซีอุยอยู่เรื่อยๆ และความโหดเหี้ยมของซีอุยนี้เอง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ถูกหยิบมา เล่าสู่กันฟัง
ซีอุย แซ่อึ้ง เกิดปีระกา 2470 เป็นชาวจีน บิดาชื่อนาย ฮุนฮ้อ มารดาชื่อนาง ไป่ติ้ง อาชีพทำไร่ฐานะยากจน มีพี่น้องหลายคน ตอนเด็กๆ มักถูกรังแก จนพบชายชราแนะนำให้กินตับ และหัวใจของคน เพื่อที่จะได้มีพลังต่อสู้กับคนที่มารังแก หลังจากนั้น ซีอุย เริ่มฆ่าสัตว์ กิน เนื้อสด ตับ หัวใจ พอซีอุยเริ่มเป็นหนุ่มก็เริ่มฆ่าเด็กแหวะอก เฉือนหัวใจและตับ มันทำให้เขารู้สึกว่ากล้าสู้ และ อร่อย โดยใช้วิธีการฆ่าฝังร่องรอย
เมื่ออายุย่างเข้า 18 ปี ซีอุยถูกส่งเข้าประจำการที่หน่วยรบทหารราบกองพันที่ 8 ซีอุยฝึกและถูกส่งตัวไปรบในแนวหน้าจนได้รับบาดเจ็บเพื่อนทหารต่างก็ล้มตาย อาการบาดเจ็บและหิวโหยทำให้ซีอุยเริ่ม ต้ม ตับ ไต หัวใจ ไส้พุง ศพ เพื่อนทหารที่เสียชีวิตหลังจากสงครามเพื่อนทหารรุ่นเดียวกัน ชวนซีอุยไปสมัครเข้าทำงานกับ บริษัทเดินเรือทะเล ทำได้อยู่ปีเศษๆ เพื่อนๆ ก็ชวนลอบเข้าเมืองไทย โดยหลบหนีจากเรือเดินทะเล ขณะที่นำสินค้าส่งที่ท่าเรือคลองเตย เมื่อ วันที่ 28 ธันวาคม 2489
ในระหว่างที่ใช้ชีวิตในประเทศไทย เขาต้องเร่ร่อนทำงานรับจ้างกลับไปกลับมาในสถานที่ต่างๆ อาทิ อ. ทับสะแก และ อ. สามร้อยยอด และ กรุงเทพฯ ซึ่งชีวิตของเขาได้รับแรงกดดัน ถูกเหยียดหยามดูหมิ่นจากคนรอบข้าง ถูกเรารัดเอาเปรียบจนในที่สุดก็นำไปสู่เหตุการณ์ที่ต้องน่าสะพรึงกลัวและทำให้ซีอุยพบจุดจบอย่างน่าสงสารเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2502

ก่อนถูกจับได้
1.            วันที่ 10 เมษายน 2497 คดีแรกก็เกิดขึ้นเมื่อ ด.ญ.บังอร ภมรสุต อายุ 8 ขวบ ถูกคนร้ายดักจับขณะเดินออกมาซื้อของใน ตอนค่ำ ด.ญ.บังอร ซึ่งเป็นเหยื่อรายแรกและรายเดียวที่รอดตายมาได้ ระบุว่าถูกคนร้ายเป็นชายชาวจีน ตัดผมสั้นเกรียน รูปร่างสันทัด จับตัวจากแถวบ้านเข้าไปในป่า พยายามใช้มีดแทงคอ แต่เธอดิ้นจนมีดพลาดไม่ถูกจุดสำคัญ จึงถูกคนร้ายจับทุ่มเข้าไปในกอไผ่ แม้กอไผ่จะทำให้เธอบาดเจ็บไม่เบา แต่มันก็ช่วยให้คนร้ายไม่สามารถแหวกพงหนามเข้ามาทำร้ายเธอได้อีก
2.            วันที่ 9 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ด.ญ.นิด แซ่ภู่ อายุ 10 ขวบ ถูกคนร้ายหลอกไปจากงานวัด ใน ต.ทับสะแก ก่อนมีคนพบศพเธอถูกฆ่าผ่าท้องหัวใจกับตับหายไป
3.            เดือนเศษๆ ต่อมา ด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่เล้า อายุ 9 ขวบ ชาว ต.ทับสะแก เช่นกัน ถูกฆ่าลักษณะเดียวกับรายที่ 2 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน
4.            ถัดมาวันที่ 27 ตุลาคม ปีเดียวกัน ก็ถึงคิว ด.ญ.หงั่น แซ่ลี้ อายุ 10 ขวบ ถูกฆ่าที่ ต.สามร้อยยอด
5.            วันที่ 28 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน คดีลักษณะเดียวกันนี้ก็มาโผล่ที่กรุงเทพฯ มื่อมีผู้พบศพ ด.ญ.ลี่จู แซ่ตั้ง อายุ 5 ขวบ ถูกฆ่าผ่าท้องบริเวณสถานีรถไฟสวนจิตรลดา
6.            ล่วงเข้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2500 ด.ญ.ซิ่วจู แซ่ตั้ง อายุ 7 ขวบ ถูกฆ่าบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์
7.            ฆาตกรต่อเนื่องหยุดการทำงานไปเกือบ 1 ปีก่อนที่จะเกิดเหตุฆาตกรรม ด.ช.สมบุญ บุณยกาญจน์ อายุ 8 ขวบ ที่ ต.เขาไผ่ อ.เมืองระยอง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501 ซึ่งเป็นเหยื่อรายที่ 7 และศพที่ 6 คดีนี้เองตำรวจจับกุมคนร้ายได้คือ นายซีอุย แซ่อึ้ง คนงานในสวนของพ่อแม่ ด.ช.สมบุญ โดยตำรวจระบุในห้วงเวลานั้นว่าจับได้ ขณะที่ซีอุยพยายามทำลายศพ
              นี่คือข่าวครึกโครมยิ่งในช่วงนั้น และยิ่งตื่นตระหนกกันใหญ่เมื่อตำรวจแถลงว่านายซีอุย สารภาพว่าคดีฆ่าผ่าท้องเด็กที่ ต.ทับสะแก กรุงเทพฯ และนครปฐมรวม 5 รายก่อนหน้านี้ เป็นฝีมือของเขาเอง และเมื่อตำรวจพา ด.ญ.บังอร เหยื่อแรกแรกที่รอดตายมาได้มาดูตัว ก็ชี้ยืนยันว่าซีอุย คือคนร้ายที่พยายามสังหารเธอ
วันที่ 16 กันยายน 2502 ศาลตัดสินประหารชีวิตซีอุยด้วยการยิงเป้า และมอบศพให้แพทย์ ร.พ.ศิริราช นำไปศึกษาโครงสร้างทางสมอง และเก็บรักษาศพไว้จนทุกวันนี้
ในหลายสิบปีให้หลังมีผู้สนใจเรื่องราววิปริตของซีอุย พยายามค้นคว้าและพบว่าคดีนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลไม่น้อยถึงขนาดตั้งข้อสังเกตว่าซีอุยเป็นฆาตกรวิปริต หรือแค่แพะรับบาปเท่านั้น
สภาพศพที่เป็นเหยื่อ
ประการหนึ่ง ซีอุยเป็นผู้รับสารภาพเองว่าเป็นฆาตกร ในขณะที่ตำรวจเองไม่มีหลักฐานใดๆ มัดตัวคนร้าย เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ปล่อยซีอุยลอยนวลอยู่นานหลายปีการที่ตำรวจคลี่คลายคดีเก่าๆ ได้ มีหลักฐานเดียวคือคำสารภาพของซีอุยเท่านั้น
น่าสนใจว่าซีอุยพูดไทยไม่ได้มาก ต้องให้การผ่านล่าม คำแปลและความเข้าใจของซีอุยเกี่ยวกับความผิดหรือคำสารภาพนั้นมีมากขนาดไหน มีการตั้งข้อสังเกตว่าซีอุยอาจจะสารภาพไปตามบท เพราะเข้าใจว่าเมื่อจบเรื่อง ตัวเองจะถูกส่งกลับเมืองจีนเท่านั้น
จากข่าวในห้วงเวลานั้นพบว่าคำรับสารภาพของซีอุยก็สับสน และบางเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเกิดเหตุอีกด้วย
ในจำนวน 6 ศพที่ซีอุยก่อเหตุ มีบางศพที่ไม่ได้ถูกควักหัวใจและตับออกมากิน ซึ่งผิดวัตถุประสงค์การฆ่าอย่างสิ้นเชิง ตำรวจแถลงว่าที่ไม่กินเพราะซีอุยบอกว่า ตับกับหัวใจเล็กเกินไป กินไม่อิ่มเลยไม่กิน ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวซีอุย ไปทำแผนฯ บางคดีพิสดารและเหลื่อเชื่อเกินไป เช่น รายหนึ่งซีอุยให้การว่าฆ่าเด็กแล้วอุ้มวิ่งเข้าไปในสวนลึกหลายกิโล แถมยังแวะอาบน้ำอาบท่าระหว่างทางอีกด้วย ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวผิดวิสัยเกินไป
อีกจุดหนึ่งคือการลงมือระหว่างเหยื่อรายที่ 6 และรายที่ 7 ที่ทิ้งช่วงเวลาห่างกันถึง 1 ปี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซีอุยก่อเหตุถึง 6 คดีในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้นหรือคดีที่ ต.ทับสะแก ซึ่งซีอุยสารภาพว่าลงมือถึง 4 ครั้ง รายแรกทำไม่สำเร็จ แต่ก็ลงมือได้ในอีก 3 รายต่อมา
ตามปกติทั่วไปเมื่อก่อเหตุครั้งแรกไม่สำเร็จ ซีอุยน่าจะหลบหนีเพราะเด็กต้องจำหน้าได้ กลับกล้าอยู่ในพื้นที่เดิมและลงมือกับเหยื่ออีก 3 รายซ้อน ฯลฯ แม้มีการตั้งข้อสังเกตหรือข้อสงสัยมากมาย แต่อย่างไรเสียคงไม่สามารถหาข้อยุติหรือตรวจสอบให้แน่ชัดได้แต่ก็น่าสนใจว่าหลังตำรวจจับกุมซีอุยได้ คดีฆ่าผ่าท้องเด็กก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย หรือพอโดนจับได้ ฆาตกรตัวจริงเลยไม่กล้าทำ

ภาพน้องหมาที่ร้านครัวตายาย

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

เหตุการณ์เลื่อนไหวในแต่ละวัน และพร้อมด้วยเหตุการณ์ที่น่าสน


ชีวิตที่นั่งทำงานไปดื่มไป (ดื่มน้ำคะ)



ชีวิตที่แสนเหนื่อย ในการทำงานที่ผ่านมามีทั้งประสบการณ์ที่สำเร็จ และผิดพลาด ไม่ว่าใครจะได้รับหรือไม่ได้รับ ทั้งความสำเร็จและความผิดพลาดเลยนั้น นั้นคือคนไม่ทำงาน ดังนั้นอย่ากลัวคำว่า พลาด
         แล้วตรงไหนที่เราเรียกว่า ประสบความสำเร็จ แล้วตรงไหนที่เรียกว่า ผิดพลาด ในการสร้างชีวิตที่ตั้งใจในการทำงานแล้วท่านพลาดนั้นเป็นการที่ท่านทำแล้ว แต่มันไม่ใช่โอกาสของเราเอง ทุกอย่างเลยไม่ได้อย่างเป้าหมาย ปลอบใจตัวเองแล้วหาทางแก้ไขใหม่ และอย่าคาดหวังให้ใครคนอื่นเข้ามาช่วย เพราะนั้นอาจเป็นการผิดหวังซ้ำสองได้ ถ้าช่วยก็ขอเพียงคำแนะนำ และเรานำมาวิเคราะห์ เพื่อดำเนินแนวในการเดินชีวิตใหม่
       เลยแอบไปหยิบกลอนของเขามานะ จะเล่าให้ฟังนะ จะได้พอมีกำลังใจกันบ้างนะ เขาเล่าว่า

 "เกิดเป็นคนทนอยู่ สู้ชีวิต

ฟ้าลิขิตให้เกิดมา น่าสงสาร

บางคนรวยบางคนจน ทนอีกนาน

สู้เท่านั้นชีวิตคน ทนต่อไป


หากว่าท่านเกิดมา ฟ้าลงโทษ

ไม่ต้องโกรธต่อว่า ใครที่ไหน

มันอยู่ที่ตัวของเรา ต้องเข้าใจ

อยู่ที่ไหนไม่ว่ากัน มันคือกรรม


ให้เราคิดเสียว่า ต้องดีแน่

คิดถึงแม่และพ่อ ท่านห่วงหา

หัวอกลูกอย่างเรา เลือดเข้าตา

คิดเสียว่าสักวัน ฝันเป็นจริง


งั้นเรามาสร้างฝัน กันดีกว่า

ลุกขึ้นมาต่อสู้ ไม่เกรงขาม

แม้วันนี้มีอะไร มันไม่งาม

จะก้าวข้ามต่อไป ใจมั่นคง


ในอดีตคิดเสียว่า ผ่านไปแล้ว

เหมือนขวดแก้วแวววาว และสดใส

ฟ้าหลังฝนดลสิ่งดี ทุกทีไป

ก็ขอให้เกิดสิ่งดี มีทุกวัน"
ขอบคุณ:Bangna 007
  จาก http://www.baanmaha.com/community/thread22378.html